วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีการเปลี่ยนจอ LCD Notebook เครดิตเว็บ www.bga-reworks.com/


วิธีการเปลี่ยนจอ LCD Notebook
ขั้นตอนแรกเลยนะครับสำหรับการถอดเปลี่ยนจอ LCD ให้ถอดแบตเตอรี่ รวมถึงแหล่งจ่ายไฟต่างๆออกให้หมดก่อน ต่อมาก็ลอกฟิลม์กันรอยที่ป้องกันรอยขีดข่วนออก คราวนี้เพื่อนลองมองไปที่ขอบของจอ LCD Notebook เพื่อนๆจะเห็นเม็ดกลมๆ ที่เป็นยางแข็งๆ? เขาเรียกว่ายางกันกระแทกนะครับ ลองมองหาดูนะครับ จะมีอย่างน้อย 6 ตัวเป็นอย่างต่ำ ให้งัดออกมา โดยใช้ไขควงเล็กๆ ค่อยๆงัดอย่างระมัดระวัง อย่างัดแรง เพราะมันจะกระเด็นหายนะครับ ตรงจุดที่งัดยางกันกระแทกออกมาเพื่อนๆจะเห็นน๊อตอยู่ภายในรู ให้ใช้ไขควงขันออกมา แล้วเก็บรวบรวมไว้ระวังหายนะครับ ตอนนี้เพื่อนๆสามารถค่อยถอดกรอบจอ LCD Notebook ออกมาได้แล้ว หลังจากนั้นก็ปลดสาย Connector ทั้งหมดซะ แต่ยังยกจอ LCD Notebook ออกมาไม่ได้นะ ต้องขันน๊อตที่อยู่ตรงด้านข้างของจอ LCD Notebook ด้วยจะมีอยู่ประมาณ 4 – 5 ตัว แค่นี้ก็ยก จอ LCD Notebook ออกมาได้แล้วครับ











การแกะคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊ค เครดิตเว็บ www.repair-notebook.com/

วิธีการแกะคีย์บอร์ด (Keyboard)โน๊ตบุ๊ค (repair laptop keyboard)


สวัสดีครับเืพื่อนสำหรับวันนี้ผมขอแนะนำสั้นๆ นะครับ เอาเป็นว่าเพื่อนๆดูจากรูปเป็นแนวทางความรู้เอาไปพิจารณาจากเครื่องโน๊ตบุ๊คที่อยู่ในมือของเพื่อนๆกันว่า เป็นลักษณะแบบที่ผมนำมานำเสนอหรือไม่นะครับ?? นั่นก็คือวิธีที่จะแกะคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คออกมานั่นเองครับ





วิธีที่ผมนำมาเสนอนี้? จะเป็นวิธีที่เราจะนำคีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊คออกจากเครื่อง? โดยส่วนใหญ่แล้ว โน๊ตบุ๊คในปัจจุบันจะใช้สลักในการล๊อคแผ่นคีย์บอร์ดไว้ ดังในรูปนะครับ? ก่อนที่เพื่อนๆจะถอดก็พิจารณาดูตรงตำแหน่งในแนว หรือลักษณะที่ผมแนะนำตามรูปครับ? ก็จะได้ไม่หลงประเด็น ไปทำการงัดซะแตกหักจนเสียหายไป
ทีนี้เราจะมาแกะกันทำไม




ในฐานะช่างคงไม่ต้องถามว่าทำเพื่อนอะไรนะครับ

แต่ถ้าเป็นผู้ใช้ทั่วๆไป….
ผมคงให้คำตอบในแนวหนึ่งว่า สมมติว่ามีน้ำหยดลงเครื่องตรงตำแหน่งคีย์บอร์ด? วิธีที่เร็วที่สุดคือ ปิดเครื่อง ดึงสายไฟอะแดปเตอร์ , ดึง แบตเตอรี่ออก แล้วทำการคว่ำหน้าของคีย์บอร์ดลงพื้นเพื่อให้นำไหลออกมา? ถ้าเราทำได้เร็ว ก็จะช่วยให้น้ำไม่ลงไปในเครื่องครับ? และถ้าเพื่อนๆได้แนวความรู้จากบทความที่ผมเขียน? ก็จะได้ทำการถอดคีย์บอร์ดออกไปทำความสะอาดได้ทัน?? เช่นอาจนำไปเป่าให้แห้ง เป็นต้น (นี่คงเป็นวิธีการอย่างหนึ่งเท่านั้น จากหลายๆวิธีนะครับ)
ภาพคลิ๊ปการแกะคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊ค









สำหรับมือใหม่หัดใช้ Windows 8




No Start Buttom Windows 8


ถ้าคุณยังไม่เคยใช้ Windows 8 และต้องการอัพเกรด Windows เวอร์ชั่นปัจจุบันมาเป็น Windows 8 แนะนำให้อ่านข้อมูลพื้นฐานเกี่ียวกับ Windows 8 เสียก่อน เพราะมิฉะนั้น คุณอาจหาทางออกจากโปรแกรมหรือทำอะไรไม่ได้เลย เหตุผลหลักๆ ก็คือ Windows เอง ไม่ได้มีปุ่ม START ที่อยู่มุมซ้ายล่างแล้ว ดังนั้น ถ้าต้องการจะเข้าเมนู START จะต้องกดปุ่มเครื่องหมาย Logo Windows บนแป้นพิมพ์ ก็จะพบกับหน้าต่าง ที่เต็มไปด้วยไอคอนโปรแกรมต่างๆ หรือที่เราเรียกว่า Metro Styleนั่นเอง


ไขความลับ Windows 8 สำหรับมือใหม่
ทำความรู้จักการใช้โปรแกรมบน Windows 8


Windows 8 คือระบบปฏิบัติการ หรือ OS (Operating System) ล่าสุดจาก Microsoft ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก Windows 7 แต่เนื่องด้วยกระแสของแท็บเล็ตที่มาแรง จนทำให้ Microsoft ต้องหันมาพัฒนา Windows ให้ครอบคลุมทั้ง Computer Desktop / Laptip รวมทั้ง Tablet ด้วย ดังนั้น Windows 8 จึงเกิดเป็นลูกผสม ระหว่าง Windows ปกติ กับ แท็บเล็ต
โปรแกรม Windows 8 แบ่งเป็น 2 ประเภท


อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น Windows 8 เหมือนลูกผสม ดังนั้น โปรแกรมที่ทำงานภายใต้ Windows 8 สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท นั่นคือ
โปรแกรมที่รันบนคอมพิวเตอร์ปกติ? เช่น Microsoft Office เป็นต้น
โปรแกรมที่เราเรียกว่า Apps (Applications) ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับ Apps บนโทรศัพท์มือถือ นั่นเอง เราเรียกรวมๆ ว่า Metro Style


ดังนั้น เวลาจะใช้งาน เราจำเป็นจะต้องเข้าใจก่อนว่า ณ ขณะนั้น เรารันโปรแกรมที่ส่วนไหน เพราะถ้าเป็นโปรแกรมปกติที่เราทำงาน ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็น แอพฯ หล่ะ จะทำงานอย่างไร ในเมื่อคอมฯ ของเรายังไม่ใช่ Touchscreen
การใช้งาน แอพฯ บน Metro Style
Windows 8 Metro Style


สามารถใช้งานแอพฯ ได้โดยใช้เม้าส์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีหน้าจอแบบ Touchscreen ก็ตาม อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถ download แอพฯ ได้เพิ่มเติมจากเว็บไซต์ของ Microsoft อีกด้วย ลองคลิกไปที่นี่ได้ครับ http://windows.microsoft.com/en-US/windows-8/apps
ทิปการใช้ Windows 8 เบื้องต้น
เรียกหน้าจอ Metro Style
ขึ้นมาแสดง สามารถทำได้โดย กดปุ่มไอคอน Windows บนแป้นพิมพ์ หรือ ลากเม้าส์ไปมุมขวาบนสุดของหน้าจอ
เรียกหน้าจอปกติ
เมาส์แตะที่ไอคอน Desktop จะเข้าหน้า Windows เหมือนปกติ? หรือ กดปุ่ม Windows + D
เรียกดู Windows Explorer
กดปุ่มบนแป้นพิมพ์? ปุ่ม Windows + E
วิธีปิดหน้าจอแอพฯ บน Metro Style


เนื่องจาก แอพฯ ที่ทำงานอยู่นี้เป็นแบบที่มีลักษณะเดีียวกับแอพฯ ทีทำงานบนอุปกรณ์โมบาย และไม่มีเครื่อง X (กากบาท) ให้ปิดเหมือนบน Windows ที่ทำงานบนคอมฯ ทั่วไป ดังนั้น เวลาต้องการปิดแอพฯ ให้กด Alt+F4 หรือ เลื่อนเม้าส์ไปมุมบนซ้ายสุดจะเห็นหน้าต่างแสดงแอพฯ ที่เปิดค้างอยู่ (Switch List Bar) เลือกแอพฯฯ ที่ต้องการปิด คลิกขวา เลือก Close

สอนการใช้ windows7เบื้องต้น





windows7 คืออะไร


Windows 7 เป็นระบบปฎิบัติการ (Operating System) ของทาง Microsoft ที่ได้ทำการพัฒนาต่อเนื่องมากจาก Windows 98 , Me , 2000 , XP ,Vista จนมาถึงปัจจุบัน คือ Windows 7 นั้นเอง โดยกลุ่มเป้าหมายของWindows 7 นี้ก็คือบุคคลทั่วไป ตามองค์กร ตามบ้าน ที่ใช้คอมพิวเตอร์ โดยWindows 7 จะเป็นระบบปฎิบัติการที่เอามาลงบน Hardware อีกทีึ โดยทาง Microsoft ได้ใช้ภาษา C , C++ ในการพัฒนา


Windows 7 นั้นได้ออกมาหลาย Edition เหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นตัวWindows 7 Starter, Window 7 Home Basic,Windows Home Premium,WIndow 7 Professional,Windows 7 Enterprise,Windows 7 Ultimate โดยของแตกต่างระหว่าง Editions ของ Windows 7 นั้นก็คือ การเพิ่ม Functions และลูกเล่นในการทำงานครับ ซึ่งถ้าเราจ่ายเงินเพิ่มมากยิ่งขึ้นเราก็จะได้ฟังก์ชั่นในการทำงานหรือลูก เล่นเพิ่มขึ้นนั้นเองครับ



สอนการประกอบคอม เครดิตเว็บ www.freewarelands.com


สวัสดีครับเพื่อน ๆ สบายกันนี้เน๊อะ ช่วงนี้โรคอะไรก็ไม่รู้แปลก ๆ ใหม่มากันเยอะแยะไปหมด ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ สำหรับบทความนี้จริง ๆ ทำไว้เพื่อจะส่งไปลงในนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่แบบว่าเปลี่ยนใจ เอามาให้เพื่อน ๆ อ่านฟรีกันดีกว่ามาเริ่มกันเลยนะครับ
ก่อนอื่นต้องทำใจบอกตัวเองก่อนว่าการประกอบคอมพิวเตอร์สักตัวนั้นมันไม่ได้ยากเย็นอย่างที่หลาย ๆ คนคิด เพราะมันไม่ต้องเชื่อม ไม่ต้องบัดกรี ไม่ต้องใช้ความรู้ทางด้านวิศวกรรมใด ๆ ใช้แค่ใจกับไขควงปลายแฉกขนาดกลางกับไขควงปากแบน ก็พอ พอทำใจได้แล้วก็มาเริ่มกันเลยครับ…

1.ขั้นแรกก็ให้เราเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อยนะครับ คือ Mainboard,CPU,RAM,DVD-rw,case,สายสัญญาณต่าง ๆ เอามาวางเป็นชุด ๆ ให้หยิบง่ายๆ
-นำเมนบอร์ดออกจากกล่องให้เรียบร้อยใช้แผ่นโฟมหรือซองกันไฟฟ้าสถิตย์ รองบอร์ดกับพื้นโต๊ะ (โต๊ะที่ใช้ประกอบคอมควรเป็นโต๊ะไม้ เพื่อป้องกันไฟฟ้าสถิตย์อันอาจจะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้)

2.เรามาเริ่มติดตั้ง CPU กันก่อนตัวที่นำมาสาธิตเป็น LGM 775 ครับหน้าตาก็อย่างที่เห็น เพื่อน ๆ จะเห็นกระเดื่องที่ใช้ Lock ฝาครอบ CPU อยู่ก็ง้างมันออกมา โดยการกดคานกระเดื่องลงเล็กน้อยแล้วเลื่อนมันออกมาให้พ้นตัว Lock แล้วยกขึ้น

3.เราก็จะเปิดฝาครอบ CPU ได้ครับอย่าลืมเอาแผ่นพลาสติกที่ครอบอยู่ด้านบนออกด้วยหล่ะ

4.จากนั้นนำ CPU ออกจากกล่อง คุณจะรู้ได้ทันทีว่าต้องวาง CPU ไปในทิศทางไหน (ดูตรงรอยบากตรง CPU กับ Socket หรือสังเกตุตรงที่ผมล้อมกรอบสีเหลืองไว้แหละครับ ถ้าคุณวางผิดด้านมันจะไม่ลง ล็อกกันอยู่แล้ว

5.ดูกันให้จะ ๆ ว่าวางแบบไหนนะจ๊ะ

6.เสร็จแล้วก็ปิดฝาครอบล็อกกระเดื่องให้เรียบร้อย

7.จากนั้นก็นำพัดลมมาวางตรงด้านบน(สังเกตุใต้พัดลมจะมี ซิลิโคนระบายความร้อนอยู่ขนาดจะเท่ากับ ส่วนของCPU ที่เว้นไว้จากฝาครอบพอดีวางให้ตรงแล้วกดขาของพัดลมให้ลงไปในรูบนเมนบอร์ดแล้วหมุนขาพัดลมทุกข้างไปทางขวาจนมีเสียง “กริ๊ก” เบา ๆ

8.เมื่อหมุนแล้วยกด้านหลังมาดูก็จะเป็นดังภาพนี้ รับรองได้ว่าพัดลมไม่หลุดออกจากบอร์ดแน่นอนครับ

9.หลังจากนั้นก็เก็บสายไฟพัดลมให้เรียบร้อยและเสียบสายไฟเข้ากับช่อง CPU FAN ซึ่งอยู่แถว ๆ Socket CPU นั่นเอง

10.เสร็จสิ้นขั้นตอนการติดตั้ง CPU บอกแล้วว่ามันง่าย มากๆๆ

11.หลังจากนั้นก็ติดตั้ง RAM ครับ ง่ายเหมือนกัน คือง้างตัวล็อกแรมทั้ง 2 ข้างออก มองรอยบากของแรมกับ Slot ให้ตรงกันค่อย ๆ วางแรมลงไปแล้วกดทีละข้าง ขาล็อกแรมก็จะขึ้นมาล็อกแรมเองโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าคุณใส่ผิดข้าง คุณจะกดลงได้เพียงข้างเดียว อย่าไปฝืนกดมันเป็นอันขาด ถ้าไม่แน่ใจให้ลองกลับข้างแล้วกด ดูใช้แรงกดไม่มากถ้าใส่ถูกมันจะเข้าไปเองครับ

12.เสร็จสิ้นขบวนการใส่ RAM

13.มาดูสาย Power กันบ้างที่ต้องใช้ก็มี 3 แบบหลัก ๆ
1. สาย Power 24 Pin สำหรับต่อเข้า Mainboard
2.สาย Power สำหรับ cPU
3.สาย Power สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ
ส่วนสี ๆ ดำ ๆ นั่นสำหรับ VGA แบบ PCI-E มีเฉพาะบางรุ่นที่ต้องการ ไฟเลี้ยงเพิ่ม

14.สาย Power 24 Pin สามารถถอดแยกได้ ในกรณีที่ Mainboard ใช้ Power แบบ 20 Pin ก็ให้สังเกตุดูจากบนเมนบอร์ดนะครับ ส่วนสาย Power สำหรับ CPu ก็อย่าลืมเสียบเป็นอันขาดไม่อย่างนั้นเปิดเครื่องไม่ติดแน่ ๆ

15.ดูกันอีกที่ ซ้ายไปขวา
-PCI-E สำหรับ VGA CARD ที่ต้องการพลังงานจาก Power supply เพิ่ม (ส่วนใหญ่เป็น VGA พลังสูงสำหรับการเล่นเกมส์)
-สายไฟลสำหรับ Floppy disk
-สายสำหรับอุปกรณ์แบบ SATA
-สายสำหรับอุปกรณ์แบบ IDE หรือ มาตฐาน

16.เสียบไฟเลี้ยง CPU

17.เสียบไฟเลี้ยง Mainboard ตอนนี้อุปกรณ์ของเราก็พร้อม ทดสอบแล้วครับ ให้เสียบปลั๊ก Powersupply ได้เลย

18. จากนั้นใช้ไขควงปากแบน แตะที่ขาที่เขียนว่า PW หรือ Power บนเมนบอร์ด เพื่อเปิดการทำงาน อย่าลืมเสียบลำโพงที่ช่อง SPK ด้วยเพื่อจะได้รู้ว่ามี Error อะไรหรือเปล่า อ่อ อย่าลืมเสียง สายสัญญาณ VGA เข้ากับจอด้วยนะครับ

19. รอสักพัก……(ลุ้นๆๆๆ)… “ติ๊ด” เสียงสวรรค์มาแล้วเมื่อได้ยินเสียงพร้อมกับเห็นภาพขั้นตอนการ POST (Power On Self Test) นั่นแสดงว่าเราประกอบ CPU และ RAM ได้ถูกต้องแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เตรียมประกอบลงเคสได้เลย

20.เคสที่เราเพิ่งซื้อมาถ้าจะให้ดีแนะนำให้เปลี่ยน Power supply ที่ติดมากับเคนให้เป็นรุ่นเกรด A หรือกำลัง WATT สูง ๆ (ราคาประมาณ 800-1,000) บาท เพราะจะใช้ทนนานกว่าและไม่ทำให้อุปกรณ์ของเราเสียเร็ว

21.เปิดฝาทั้ง 2 ข้างของ เคสออกก็จะเห็นสาย ไฟนัวเนียไปหมด แต่ละเส้นก็จะมีเขียนกำกับไว้ว่าต่อกับขาใด บนบอร์ด ไม่ยากครับถ้าไม่รู้ก็เปิดคู่มือบอร์ดเอาก็ได้
หลัก ๆ ก็มี
PW-สาย Power
RES-RESET
HDDLED-สายแสดงการทำงานของ HDD
PWLED สายแสดงว่ามีไฟเข้าเครื่อง
SPK-ลำโพง
หรือบางบอร์ดจะเขียนต่างกว่านี้นิดหน่อย ก็ให้ลองอ้างอิงจากคู่มือเอานะครับ

22..ให้นำเมนบอร์ดวางทาบลงไปบนเคสส่วนใหญ่จะตรงกับจุดที่นูน ๆ ขึ้นมารองรับพอดี (แบบ micro ATX) ก็ให้หาแหวนรองน็อตสีแดง ๆ มาเตรียมไว้เพื่อป้องกันน็อตสัมผัสกับวงจรบนเคสครับ

23.จุดรองรับบนเคสครับ

24. อย่าลืมดู Panel ด้านหลังด้วยถ้าไม่ตรงกับ เมนบอร์ด ก็งัดออกแล้วเอาแผ่นที่แถมมากับบอร์ดใส่แทนนะครับ

25.เตรียมติดตั้งได้ (อย่าลืมเอาโฟมรองบอร์ดทุกครั้งเวลานำไปวางไว้ที่ไหน)

26.นำ เมนบอร์ดวางลงไปให้ตรงพอดีกับพาแนล แล้วขันน็อตทุกตัวที่อยู่ตรงกับ ปุ่มรองให้แน่นครับ

27.มาติดตั้ง DVD-ROM กัน ถ้าเคสสีดำแต่ใช้ DVD สีขาว มันก็ แหม่ง ๆ อยู่ มาเปลี่ยนหน้ากาก DVD-ROM กันครับ

28.ใช้ไขควงปากแบนกดตรงจุดล็อก ทั้ง 3 จุด

29. ซ้ายและขวาแล้วก็จะถอดหน้ากากออกมาอย่างง่ายดาย

30.ใส่สีใหม่เข้าไปแทนที่

31.จากนั้นก็ขันน็อตยึดให้แน่นทั้ง 2 ข้าง (ข้างละ 2 ตัวก็พอครับ)

32.เวลาเลือกใช้ตัวน็อต ดูด้วยนะครับ สำหรับ HDD กับ DVD-ROM ความยาว-สั้นมันไม่เท่ากัน อย่าใช้ตัวใหญ๋สำหรับยึด Mainboard มายึดนะครับ

33.เสียบสายสัญญาณ สายไฟ HDD,DVD-ROM ให้เรียบร้อยอีกครั้ง

34.เสียบสาย USB ด้านหน้าเคสด้วยนะครับ (ดูวิธีเสียบได้จากในคู่มือ ไม่ยากครับเป็นล็อกเสียบได้ทางเดียว)
เมื่อตรวจสอบทุกอย่างจนแน่ใจแล้วก็เสียบสายอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เรียบร้อยครับ Keyboard,mouse,power,VGA,ลำโพง แล้วก็เปิดเทส เพื่อติดตั้งและลงโปรแกรมได้เลย
เทคนิคการทำสอบอุปกรณ์ใหม่
เทคนิคนี้เรียกว่าการ BURN IN ครับคือเมื่อประกอบคอมเสร็จครั้งแรกและลงโปรแกรมเสณ้จใหม่ ๆ ให้คุณเปิดเครื่องทิ้งไว้ อาจเปิดเพลงเปิดหนัง หรือเปิดโปรแกรมประเภททดสอบเครื่องทิ้งไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 3 วันครับ เพื่อทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระหว่างนี้ถ้าอุปกรณ์ตัวใดมีปัญหามันจะแสดงอาการทันทีก็ให้เรารีบนำไปเคลมได้ครับ
ก็จบไปเรียบร้อยแล้วนะครับสำหรับการประกอบคอมพิวเตอร์ ง่าย ๆ ใช่ไหมครับ พบกันใหม่ คราวหน้านะครับ
freewareboy
ขอบคุณ ร้าน Plug&Play นครปฐม เอื้อเฟื้อสถานที่และอุปกรณ์การถ่ายทำภาพประกอบนะครับ
โทร 081-8173702

อาการแรมเสียและวิธีแก้ไข

มีเสียงร้องหลังจากเปิดเครื่องและไม่มีภาพ มีสาเหตุดังนี้

1. เสียบ RAM ไม่แน่น
วิธีแก้ไข : ให้ลองเปิดฝาเครื่องแล้วขยับ RAM ให้แน่น

2. เกิดจากหน้าสัมผัสของ RAM ไม่สะอาด
วิธีแก้ไข : เปิดฝาเครื่องออกมาแล้วให้ลองขยับ RAM ให้แน่น ถ้ายังไม่หายให้ลองถอด RAM ออกมาทำความสะอาดหน้าสัมผัส โดยใช้ยางลบดินสอหรือน้ำยา

3. เกิดจากการเสียบ RAM ผิดแถว
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นต้องเสียบ RAM ไล่จากแถวที่ 1 ขึ้นไป ให้ลองนำ RAM มาเสียบที่ Slot ที่ 1 และไล่ลงไปในกรณีที่มี RAM หลายแถว

4. RAM ที่ใส่ไปไม่ตรงกับชนิดที่เมนบอร์ดรับได้
วิธีแก้ไข : ตรวจสอบกับคู่มือเมนบอร์ดว่าเป็นชนิดที่ถูกต้องและขนาดที่ไม่เกินที่เมนบอร์ดกำหนดในแต่ละแถว ถ้าไม่ถูกให้นำ RAM ชนิดที่ถูกต้องมาใส่

5. เกิดจากความผิดผลาดของกระบวนการเช็คตอนเปิดเครื่อง ( POST) ของไบออส
วิธีแก้ไข:ในบางครั้งจะจดจำการติดตั้งฮาร์ดแวร์ในตำแหน่งต่างไว้และทำการตรวจเช็คทุกครั้งที่เปิดเครื่องดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง หรือสลับตำแหน่งของสล็อตที่เสียบอุปกรณ์ต่างๆ เครื่องอาจจะเช็คว่าเกิดความผิดผลาดได้ โดยที่จริง ๆ แล้วไม่ได้มีอุปกรณ์ใด ๆเสียเลยแต่เพราะเครื่องได้จดจำข้อมูลตำแหน่งของสล็อต ที่เสียบ ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ไว้ แต่ยังไม่ได้ทำการอัพเดทหรือ รีเฟรช (Refresh ) ทำให้เมื่อเปิดเครื่องแล้วถึงขั้นตอนการตรวจสอบ เครื่องจะฟ้องว่าฮาร์ดแวร์
ผิดผลาด วิธีแก้คือ ให้ลองสบับแถวของ RAM แล้วลองเปิดเครื่องใหม่ เพื่อให้เครื่องจดจำตำแหน่ง หรือ Reset ไบออส โดยการถอด ถ่านของไบออสบนเมนบอร์ดออกสักครู่หนึง แล้วกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นลองเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง

6. RAM เสีย
วิธีแก้ไข : ให้ลองนำ RAM ตัวอื่นที่ใช้ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกัน ถ้าหากใช้ได้แสดงว่า RAM เสีย ถ้า RAM เสียก็ต้องซื้อมา เปลี่ยนสถานเดียว

เปิดเครื่องแล้ว แต่ Test Memory (RAM) ไม่ผ่านมีสาเหตุดังนี้

1. สล็อตเสียบ RAM เสียหรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : เป็นไปได้ที่เมื่อใช้ไปแล้ว สล็อตเสียบ RAM เสื่อมคุณภาพ ให้ลองย้าย RAM ไปใส่ในสล็อตอื่นแล้วลองบู๊ตเครื่องใหม่

2. RAM เสียหรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : ให้ลองนำ RAM ตัวอื่นที่ใช้ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกันถ้าผ่านแสดงว่า RAM เสีย ก็ต้องซื้อมาเปลี่ยนใหม่

ใช้แล้วเครื่องแฮงก์ง่ายมีสาเหตุดังนี้
1. อาจเกิดจากการตั้งค่าความถี่ที่ใช้กับ RAM ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ดูที่สเปค (Spec) ของ RAM สามารถทำงานที่ความถี่เท่าไร และให้ตั้งให้ถูกต้อง โดยเซ็ทที่ BIOS หรือเมนบอร์ด บางรุ่นต้องเซ็ทที่ Jumper บนเมนบอร์ด โดยสามารถดูรายละเอียดจากคู่มือของเมนบอร์ดนั้นๆ ได้

2. อาจเกิดจากการตั้งค่าการหน่วงเวลา (Wait state) ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : กลับไปตั้งค่าให้ถูกต้องเหมือนเดิม หรือตั้งค่าเป็นแบบ by SPD จะสะดวกที่สุด

3. อาจเกิดจากการเลือกคุณสมบัติพิเศษ เช่น Fast page , EDO ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ควรศกษาคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ให้เข้าใจอย่างละเอียดก่อนที่จะเลือกใช้คุณสมบัตินั้น ๆ ถ้าไม่แน่ใจให้แก้กลับมาที่ Load Detault Setup หรือ Disable เพราะถ้าเลือกใช้คุณสมบัติพิเศษ โดยที่ RAM ตัวนั้นไม่รองรับ ก็จะทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานได้

4. อาจเกิดจาก Clip RAM ร้อนเกินไป
วิธีแก้ไข : ในกรณีทีบางครั้ง RAM ทำงานหนักและเกิดอาการร้อนเกินไปจะทำให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้ ดังนั้นถ้าต้องการเสถียรภาพ ในการทำงานมากขึ้น เราควรปรับปรุงระบบระบายความร้อนภายในเครื่องคอมพ์ให้ดีขึ้น เช่น เพิ่มพัดลมระบายความร้อนภายในเครื่อง วางคอมพ์ไว้ในที่ที่มี อากาศถ่ายเทได้สะดวกหรือห้องแอร์ก็จะยิ่งดี

5. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : RAM บางตัวที่ใช้งานไปนาน ๆ Clip บางตัวบน RAM อาจเสื่อมได้โดยที่เครื่องยังสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่เมื่อเครื่อง ได้ใช้งานมาถึงตำแหน่งที่เสื่อมบนแรมตัวนั้น จะทำให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้ วิธีแก้คือ ลองถอด RAM ตัวที่คิดว่าเสื่อมออก และนำ RAM ตัวอื่นที่ดีมาใส่แทน และลองใช้งานดู ถ้าทำงานได้ตามปกติแสดงว่า RAM ตัวนั้นเสีย ให้ซื้อตัวใหม่มาเปลี่ยน หรือถ้าอยู่ในระยะประกันให้ลองเปลี่ยนตัวใหม่ แต่อาการแบบนี้ขอบอกว่าพิสูจน์ยากนิดนึง บางครั้งเราต้องรอจังหวะ

ขนาดของ RAM เมื่อใช้งานน้อยกว่าขนาดที่แท้จริงมีสาเหตุดังนี้

1. เสียบ RAM ที่มีขนาดเกินกว่าที่ช่องเสียบ RAM นั้นรับได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางตัวจะกำหนดขนาดของ RAM สูงสุดต่อแถวที่เสียบได้ในแต่ละช่องสล็อต ดังนั้นควรอ่านคู่มือของเมนบอร์ดดูก่อนว่าสล็อตใดเสียบ RAM ที่มีขนาดสูงสุดได้เท่าไร เช่น เมนบอร์ดบางรุ่น ช่องเสียบ RAM แถวที่ 1ใส่ RAM ได้สูงสุดไม่เกินแถวละ128 MB ถ้าเรานำ RAM ขนาด แถวละ 256 MB มาใส่เครื่องจะไม่สามารถรับได้หรือมองเห็นแค่เพียง 128 MB เท่านั้น

2. ขนาดของ RAM รวมทั้งหมดเกินกว่าที่เมนบอร์ดจะรับได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดทุกอันจะมีขนาดรวมของ RAM สูงสุดที่เมนบอร์ดรับได้ไม่ใช่ว่าจะสามารถซื้อ RAM มาใส่เท่าไรก็ได้ ควรอ่านคู่มือ ของเมนบอร์ดรุ่นนั้นด้วย

3. RAM บางส่วนถูกนำไปใช้ในด้านอื่น
วิธีแก้ไข : เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมนบอร์ดบางรุ่น ที่มีอุปกรณ์บางประเภท Onboard ซึ่งจะใช้หน่วยความจำร่วมกับ RAM ทำให้เมื่อเปิด ใช้งานเนื้อที่ของ RAM บางส่วนจะถูกจองไว้สำหรับใช้งานของอุปกรณ์ตัวนั้นโดยเฉพาะ จึงทำให้เวลาระบบปฏิบัติการแสดงผลขนาดของ RAM จะเหลือไม่เท่ากับ ขนาดที่แท้จริงของ RAM เช่น เมนบอร์ดบางรุ่นที่มี VGA Card Onboard และแจ้งว่ามี RAM ของ VGA Card ขนาด 16 MB แต่เมื่อใช้งานจะใช้เนื้อที่ของ RAM ที่เสียบลงไปบนเมนบอร์ด ดังนั้น ถ้าเราเสียบ RAM ขนาด 128 MB ลงไปบนเมนาบอร์ดจะเหลือ RAM ที่ใช้งานกับระบบจริงเพียง 128 MB คือ 112 MB

4. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : เราสามารถดูตามอาการเสียของแรมที่ได้กล่าวมา ข้างต้น

RAM ที่มีความเร็วสูงแต่ทำงานที่ความเร็วต่ำ

1. เมนบอร์ดไม่สามารถรองรับ RAM ที่มีความเร็วสูงกว่าที่กำหนดได้
วิธีแก้ไข : ไม่สามารถแก้ได้ ถ้าต้องการให้ RAM ทำงานที่ความเร็วสูง ต้องซื้อเมนบอร์ดรุ่นที่รองรับได้ เช่น RAM ที่มีความเร็ว 133 MHz เมื่อนำมา ใส่เมนบอร์ดที่รองรับ RAM ที่มีความเร็วสูงสุดที่ 100 MHz RAM ตัวนั้นจะทำงานได้ที่ความเร็วแค่ 100 MHz

2. ไม่ได้ตั้งค่าที่ BIOS ให้ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ที่ BIOS จะมีเมนูสำหรับตั้งค่าความเร็วของ RAM ที่เราต้องการให้เราไปปรับค่าให้ถูกต้องหรือให้เลือกเป็น Auto

3. ไม่ได้เซ็ทค่าจั๊มเปอร์บนเมนบอร์ด
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการเซ็ทความถี่ของ RAM ที่จั๊มเปอร์บนเมนบอร์ดด้วย ให้ศึกษาด้วย ให้ศึกษาและเซ็ทตามคู่มือเมนบอร์ด

ปัญหาฮาร์ดิสก์เสีย เครดิตเว็บwww.ict456.com




ปัญหาฮาร์ดดิสก์เสีย ถือเป็นเรื่องน่าปวดหัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่ต้องมีการเก็บข้อมูลมากมายอยู่เป็นประจำหรือยิ่งถ้าใครมีฮาร์ดดิสก์ลูกเดียว ถ้าเสียขึ้นมาก็ไม่รู้จะแบ็กอัพไปไว้ที่ไหน หากมีอาการให้รู้กันก่อนก็ดี แต่บางทีเล่นพังไปดื้อๆ ขณะใช้งาน ก็พาลให้เซ็งกันเลยทีเดียว ดังนั้นก่อนที่จะเกิดปัญหาจากฮาร์ดดิสก์พัง เราลองมาดูอาการเบื้องต้นกันก่อนว่า หากฮาร์ดดิสก์ใกล้เสีย จะมีอาการบอกเหตุอย่างไร แล้วสิ่งใดที่ควรต้องทำบ้าง

อาการแรก ระบบมองฮาร์ดดิสก์บ้างเป็นบางครั้ง ใช้งานอยู่ดีๆ ไดรฟ์ก็หายหรือบางทีติดๆ ดับๆ ที่ชัดเจนก็คือ เปิดเครื่องอยู่ดีๆ ก็ไม่สามารถเข้าวินโดวส์ได้ มีการฟ้องว่าไม่เห็นฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์เอาไว้แล้วแน่นอน ซึ่งถ้าใครมีฮาร์ดดิสก์อยู่หลายๆ ลูกก็ให้สังเกตที่หน้าจอไบออสตอนบูตเข้าเครื่องหรือเวลาที่เปิดเครื่องเข้าวินโดวส์มา ก็ให้ไปดูใน My Computer ว่าพบฮาร์ดดิสก์ทุกลูกหรือไม่

อาการที่สอง มีเสียงดังผิดปกติ ตามปกติแล้วเวลาที่ฮาร์ดดิสก์ทำงานจะไม่มีเสียงให้ได้ยินชัดเจนนัก ซึ่งอาจจะมีเสียงเบาๆ ขึ้นมาเล็กน้อย ตามจังหวะการเขียนข้อมูล ซึ่งถือว่าปกติ แต่ถ้าเมื่อใช้งานแล้วเกิดเสียงดัง เป็นจังหวะและอาจจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ หรือนานๆ ทีก็ตาม ให้ถือว่าเริ่มมีอาการผิดปกติแล้ว เตรียมตัวสำรองข้อมูลไว้ได้เลย

อาการที่สาม อ่านหรือเขียนข้อมูลได้ช้ากว่าปกติหรือแจ้งเลยว่าไม่สามารถอ่านไฟล์ได้ ในขณะที่คุณใช้งานอยู่ มีการถ่ายโอนไฟล์ไปมา รวมถึงอาการ Error แบบบลูสกรีน าไม่สามารถอ่านไฟล์จากดิสก์ได้ ก็อปปี้ข้อมูลลงไปไม่ได้หรือช้าผิดปกติมากๆ ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนว่าฮาร์ดดิสก์อาจเกิด Bad Sector ขึ้นและอาจส่งผลลุกลามไปยังข้อมูลส่วนที่เหลือ หากเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ต้องรีบหาทางแก้ไขโดยด่วน

การแก้ไขเบื้องต้น
ในกรณีที่เปิดเครื่องขึ้นมาแล้ว ตรวจไม่พบฮาร์ดดิสก์ที่เชื่อมต่ออยู่ ซึ่งเป็นอาการของการ Not Detect ให้แก้ไขอย่างแรกคือที่สายสัญญาณในการเชื่อมต่อ ยังไม่จำเป็นต้องไปจัดการกับตัวฮาร์ดดิสก์โดยตรง ลองเปลี่ยนสายสัญญาณและสายไฟเลี้ยงที่ต่อเข้ากับฮาร์ดดิสก์เสียก่อน เพราะอาจเกิดจากสายหลวม หลุดหรือหักใน แล้วลองดูอีกครั้งว่าตรวจพบหรือไม่หรืออาจจะลองเปลี่ยนพอร์ตที่ต่อบนเมนบอร์ดดูก็ได้

แต่หากสายสัญญาณปกติดี กรณีที่ต่อฮาร์ดดิสก์ไว้หลายลูก ก็อาจจะสันนิษฐานว่า Power Supply จ่ายไฟได้ไม่พอ ให้ทดลองสลับหัวต่อ Molex ไฟเลี้ยงหรือถอดฮาร์ดดิสก์ออกให้เหลือน้อยลง ถ้าทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ก็แสดงว่า Power Supply ที่ใช้จ่ายไฟไม่พอ คงต้องอัพเกรดหรือเลือกลดจำนวนฮาร์ดดิสก์ในเครื่อง เอาลูกความจุต่ำออกหรือรวมข้อมูลไว้ในลูกใหญ่เพียงลูกเดียวเท่านั้น เหล่านี้คือ วิธีแก้ไขในเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด

อาการเสียของ Mainboard และการ ตรวจสอบเบื้องต้น เครดิตเว็บ www.ubmthai.com



เมนบอร์ด (Mainboard)เป็นแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นแผ่นเซอร์กิตPCB(PrintCircuitBoard)ใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์
อิเล็กโทรนิคต่างๆรวมทั้งซีพียู,หน่วยความจำหรือRAMและแคช(Cache)ซึ่งหน่วยความจำความเร็วสูงสำหรับพักข้อมูลระหว่างซีพียูและแรม
อุปกรณ์ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่งอยู่บนเมนบอร์ดได้แก่ชิปเซ็ต (Chipset) ภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ขนาดเล็กจำนวนหลายล้านตัวผลิตด้วย
เทคโนโลยีการทำงานระหว่างอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให ้เมนบอร์ดแต่ละยีห้อและแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติต่างกันนอกจากนี้บนเมนบอร์ด
ยังมีช่องสำหรับเสียบการ์ดเพิ่มเติมที่เรียกว่า สล็อต(Slot)ซึ่งการ์ดจอ, การ์ดเสียง ฯลฯ ต่างก็เสียบอยู่บนสล็อต นอกจากนี้เมนบอร์ดในปัจจุบันยังได้
รวมเอาส่วนควบคุมการ ทำงานต่าง ๆ ไว้บนตัวเมนบอร์ดอีกด้วย ได้แก่ ส่วนควบคุมฮาร์ดดิสก์ (Harddisk Controller),พอร์ตอนุกรม (Serial Port)
พอร์ต ขนานหรือพอร์ตเครื่องพิมพ์ (Printer Port), พอร์ต PS/2,USB(Universal Serial Bus) รวมทั้ง Keyboard Controller
สำหรับอุปกรณ์ อื่นที่มีมาตั้งแต่เริ่มกำเนิดเมนบอร์ดได้แก่ ROM BIOS และ Real-Time Clock เป็นต้น ส่วนอาการเสียที่มักจะเกิดบ่อยที่ผู้ใช้ควร
รับรู้และสามารถแก้ไขได้ตัวอย่างเช่น

1.รู้ได้อย่างไรว่าเมนบอร์ดที่ใช้อยู่ รองรับอุปกรณ์ Onboard อะไรบ้าง
หากอยากรู้ว่าคอมพิวเตอร์หรือเมนบอร์ดที่ใช้อยู่มีอุปกรณ์ Onboard อะไรแถมมาด้วยก็ไม่ยาก โดยให้ดูที่ด้านท้ายเคสซึ่งจะมีพอร์ตสำหรับ
ต่อเมาส์ และคีย์บอร์ด ถ้าหากเมนบอร์ดมีอุปกรณ ์ Onboard อื่นให้มาด้วยก็จะมีพอร์ตสำหรับอุปกรณ์นั้นเช่น พอร์ต Modem, Lan, VGA, Sound คือถ้าพบมีพอร์ตดังกล่าวอยู่ท้ายเคสก็ให้เสียบใช้งานได้ทันที

2. การ์ดจอ Onboard เสียจะทำอย่างไร
ปัญหานี้จะแสดงอาการออกมาในลักษณะเปิดเครื่องได้เห็นไฟเข้าเครื่องทำงานปรกติต่หน้าจอจะไม่มีภาพอะไรเลยผู้ใช้หลายคนนึกว่าเมนบอร์ดเสีย
จึงไปหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ทำให้สูญเสียเงินไปโดยใช่เหตุสาเหตุ เป็นเพราะระบบแสดงผลของชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดเสีย ทำให้ไม่มีภาพปรากฏบน
หน้าจอวิธีแก้ ให้ทำการจัมเปอร์บนเมนบอร์ดเป็น Disable หรือกำหนดค่าในไบออสให้เป็น Disable ขึ้นอยู่กับรุ่นของเมนบอร์ด แล้วนำการ์ดจอมาติดตั้ง
ลงในสล็อต AGP แทน หากเป็นรุ่นที่ไม่มีสล็อต AGP ก็คงต้องหาซื้อการ์ด PCI มาติดตั้งแทน หรือส่งซ่อมที่ร้าน p.c.point ได้นะครับ

3. เมนบอร์ดมีการ์ดเสียง Onboard ไม่ทำงาน
ปัญหานี้มีลักษณะคล้ายกับปัญหาการ์ดจอ Onboard แต่ส่วนใหญ่การ์ดเสียง Onboardที่มีปัญหาใช้งานไม่ได้
สาเหตุ
1. ยังไม่ได้กำหนดให้ใช้งานวงจรเสียงได้จากไบออส
2. ยังไม่ติดตั้งไดรเวอร์สำหรับวงจรเสียงดังกล่าว
3. อาจเป็นส่วนของวงจรเสียงในชิปเซ็ตเสีย
วิธีแก้
1. กำหนดค่าในไบออสโดยเลือกหัวข้อ Integrated Peripherals
2. เลือกหัวข้อ Onboard Hardware Audio และกำหนดค่าเป็น Enabled
3. Save ค่าไว้และออกจากไบออสบู๊ตเครื่องใหม่
4. ใช้แผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดติดตั้งไดรเวอร์เสียงลงใน Windows
. หากติดตั้งแล้วใช้การไม่ได้แสดงว่าส่วนวงจรเสียงเสีย ให้ Disabled ยกเลิกการใช้งานในไบออส แล้วหาซื้อการ์ดเสียงมาติดตั้งใหม่

4. จะติดตั้งพอร์ต USB ของตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดได้อย่างไร ุ
เมนบอร์ดทั้วไปมักจะมีพอร์ต USB ติดตั้งมาให้จำนวน 2 พอร์ต โดยจะมีขั้วพอร์ต USB ให้อีก 1 ช่องสำหรับต่อพอร์ต USB ได้อีก 2 พอร์ต
ซึ่งพอร์ตต่อเพิ่มพอร์ต USB มักเป็น Options เสริมที่ต้องซื้อเพิ่มเอาเองแต่ในตัวเคสรุ่นใหม่ที่ด้านหน้าหรือด้านข้างมักจะมีพอร์ตเสริม USB มาให้อีก 2 พอร์ต
วิธีแก้ การติดตั้งพอร์ตเสริม USB ของตัวเคสจำนวน 2 พอร์ต เพื่อให้ใช้งานได้จะต้องนำสาย สัญญาณและสายจ่ายไฟจำนวน 8 เส้นมาเสียบต่อเข้ากับช่องต่อพอร์ต
USB บนเมนบอร์ด โดยจะต้องดูคู่มือเมนบอร์ดประกอบด้ยอย่าเสียบผิดสายเพระสาย USB จะมีไฟเลี้ยงอยู่ด้วย จะทำให้อุปกรณ์ต่อพ่วงเสียหายได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งพอร์ต USB ตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดดังนี้
1. เปิดฝาเครื่องออกมาและหาตำแหน่งขั้วต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ด โดยที่ขา 1 จะมีเส้นทึบ สีขาวขีดคร่อมอยู่ 2.นำสายสัญญาณและสายจ่ายไฟพอร์ต USB จากเมนบอร์ดมาเรียงไว้ โดยสายจะมี 2 ชุด ๆ ละ 4 เส้น
3. นำสายทั้ง 2 ชุดเสียบเข้ากับขั้วต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ดโดยดูจากคู่มือเมนบอร์ดประกอบ กันด้วยอย่าสลับสายกันเป็นอันขาด

5. ใช้งานพอร์ต USB 2.0 ผ่านเครื่องพิมพ์ ไม่เห็นความเร็วเพิ่มขึ้น
สาเหตุ พอร์ต USB 2.0 เป็นพอร์ตมาตรฐานเพิ่งออกมาใหม่ รองรับความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลได้สูงถึง 480 Mbps หรือเร็วกว่าพอร์ต USB 1.1 ถึง 40 เท่าแต่ใช่ว่าเมื่อเมนบอร์ดรองรับพอร์ต USB 2.0 แล้วจะสามารถ ใช้งานได้เลย ต้องทำการติดตั้งไดรเวอร์ของ USB 2.0 ให้ถูกต้องเสียก่อน วิธีแก้ สำหรับวิธีการตรวจดูว่าคอมพิวเตอร์ของเรา ได้ติดตั้งและใช้ความสามารถของพอร์ต USB 2.0 แล้วหรือยังมีดังนี้
1. ใน Windows XP ให้คลิกปุ่ม Start>Control Panel>Switch to classic view 2. ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน system
3. คลิกแท็ป Hardware
4. คลิกปุ่ม Device Manager
5. คลิกเครื่องหมาย + หน้า Universal Serial Bus controllers จะพบว่ามีแต่ไดรเวอร์ของ USB 1.1 ติดตั้งไว้เท่านั้น สำหรับ USB 2.0 ยังไม่ได้ติดตั้ง (มีเครื่องหมายตกใจสีเหลืองหน้าตัว Universal Serial Bus (USB) Controller
6. ให้ติดตั้งไดรเวอร์ USB 2.0 โดยการคลิกเมาส์ขวาที่ตัว Universal Serial Bus (USB) Controller และเลือกUpdate Driver…
7. เมื่อปรากฏหน้าจอให้ Update Driver ให้ใส่แผ่นซีดีรอมไดรเวอร์ของเมนบอร์ดเข้าเครื่องและคลิกเลือกหัวข้อ Install the software automatically และดำเนินการตามขั้นตอนที่ปรากฏหน้าจอต่อไป
8. ในขั้นตอนที่ 6 หากต้องการติดตั้งไดรเวอร์ USB จากแผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดโดยตรงก็สามารถทำได้โดยใส่แผ่นไดรเวอร์เข้าไปในเครื่องเพื่อให้รันโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะปรากฏหน้าจอให้เลือกข้อ VIA USB 2.0 Driverและดำเนินการไปตามข้นตอนที่ปรากฏบนหน้าจอไปจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจะบู๊ตเครื่องขึ้นมาใหม่
9. ให้เข้าไปตรวจสอบสถานะของไดรเวอร์ USB 2.0 ว่าได้รับการติดตั้งแล้วหรือไม่โดยเข้าไปที่ Control Panel ซึ่งจะพบว่ามีไดรเวอร์ของ USB 2.0 ได้รับการติดตั้งแล้วคือ USB 2.0 Root Hub และ VIA USB 2.0 Enchanced Host Controller เพียงเท่านี้เมื่อมีการใช้งานพอร์ต USB 2.0 เช่น สั่งพิมพ์งานเอกสารด้วยเครื่องพิมพ์งานเอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ผ่านพอร์ต USB 2.0 งานพิมพ์แทบจะวิ่งออกมาทีเดียว

6. เปิดสวิทซ์แล้วเครื่องไม่ทำงานใด ๆ เลยไฟก็ไม่ติด ไม่มีเสียงร้อง
สาเหตุที่1ปลั๊กPower Supply หลวม วิธีแก้ ให้ลองขยับปลั๊ก Power Supply ทั้งทางด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์และที่เต้าเสียบให้แน่น - สาเหตุที่ 2 อาจเป็นที่ Power Supply เสีย วิธีแก้ ให้ลองตรวจเช็คว่ามีไฟฟ้าออกจาก Power Supply ถูกต้องหรือไม่วิธีสังเกต ถ้าเป็นสายไฟสีแดงจะมีค่า +5 Volt ถ้าเป็นสายสีเหลืองจะมีค่า +12 Volt หรืออาจสังเกตง่าย ๆ ขั้นต้นว่าเมื่อเปิดสวิทซ์นั้นพัดลมที่ติดอยู่กับ Power Supply หมุนหรือไม่ และเป็นไปได้ที่บางครั้ง Power Supply อาจจะเสียแต่พัดลมยังหมุนอยู่ เราอาจจะลองนำ Power Supply ตัวอื่นที่ไม่เสียมาลองเปลี่ยนดูก็ได้ ถ้าเสียก็ซื้ออันใหม่มาเปลี่ยน เอาแบบ
วัตต์สูง ๆ ก็จะดี - สาเหตุที่ 3 เป็นที่เมนบอร์ดเสีย วิธีแก้ ถ้า Power Supply ไม่เสียมีไฟเลี้ยงเข้าเมนบอร์ดตามปกติ ให้ลองเช็คโดยการถอดการ์ดต่าง ๆ และ RAM ออกหมด ถ้าเปิดเครื่องแล้วไม่มีเสียงร้องแสดงว่าเมนบอร์ดหรือ CPU เสีย แต่ถ้ามีเสียงร้องแสดงว่าอุปกรณ์บางตัวที่ถอดออกไปเสีย และถ้าหากเมนบอร์ดเสียให้ส่งที่ร้านซ่อมหรือซื้อเมนบอร์ดใหม่ - สาเหตุที่ 4 CPU หลวม วิธีแก้ ส่วนใหญ่เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นกับซีพียูประเภทซ็อคเก็ตสล็อตวัน (Slot 1) และซ็อคเก็ตสล็อตทู (Slot 2) เช่น เพนเทียมทู เป็นต้น ให้เราปิดฝาเครื่องและลองขยับซีพียูที่ดูเหมือนแน่นอยู่แล้วให้แน่นขึ้นไปอีก - สาเหตุที่ 5 CPU เสีย วิธีแก้ ลองหา CPU ตัวใหม่มาลองเปลี่ยนแทน ถ้าใช้ได้ละก็แสดงว่าตัวเก่าเสียแน่นอน - สาเหตุที่ 6 เป็นที่อุปกรณ์บางตัวเสียทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร วิธีแก้ ให้ลองใส่ตรวจเช็คทีละตัว

7. เปิดเครื่องแล้วมีเสียงร้องแต่ไม่ยอมทำงานใด
- สาเหตุที่ 1 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม
วิธีแก้ ถ้าอุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม จะทำให้กระบวนการเช็คค่าเริ่มต้น (POST) ของ BIOS ฟ้องค่าผิดพลาด ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด

- สาเหตุที่ 2 อุปกรณ์บางตัวที่อยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับ RAM ปกติเมื่อเราเปิดเครื่องแล้วมีปัญหาไม่สามารถแสดงภาพออกทาง หน้าจอในตอนเริ่มต้นได้ Bios จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลำโพงที่อยูภาย ในเครื่องคอมพ์ ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด

- สาเหตุที่ 3 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู

- สาเหตุที่ 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสีย
วิธีแก้ ให้ลองไปดูเครื่อง Beep Code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip

8. เครื่องทำงานพื้นฐานตามปกติได้แต่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์บางตัวได้ โดยที่อุปกรณ์ตัวนั้นไม่ได้เสีย
- สาเหตุที่ 1 Chip บางตัวบนเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้ลองไปดูเรื่อง Beep code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip

- สาเหตุที่ 2 สล็อตหรือพอร์ตบางพอร์ตบนเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ลองเปลี่ยนการ์ดตัวนั้นไปเสียบสล็อตอื่นที่เหลือแทน แล้วลองทดสอบตามปกติ ถ้าเหมือนเดิมส่งร้านซ่อมหรือซื้อเมนบอร์ดใหม่

- สาเหตุที่ 3 เกิดการ Conflict กับอุปกรณ์ตัวอื่น
วิธีแก้ เข้าไปที่ Device Manager ให้สังเกตว่ามีเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) แสดงว่าที่อุปกรณ์ตัวนั้นมีปัญหา ได้ดับเบิ้ลคลิกที่อุปกรณ์ตัวนั้น เพื่อเข้าสู่ Properties จากนั้นลองแก้ไขค่า Resources ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับอุปกรณ์ตัวอื่นครับ

- สาเหตุที่ 4 ไม่ได้ลงไดรเวอร์
วิธีแก้ ให้ทำการติดตั้งไดรเวอร์ลงไป โดยไดรเวอร์มักจะแถมมากับอุปกรณ์ตัวนั้น ๆ หรือถ้าหาไม่ได้ให้ลองดาวน์โหลดไดรเวอร ์จากเว็บไซต์ผู้ผลิตดู

- สาเหตุที่ 5 ลงไดรเวอร์ผิดรุ่น
วิธีแก้ ในบางครั้งที่ระบบปฏิบัติการจะตรวจสอบชนิดและรุ่นของอุปกรณ์ตัวนั้น ๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีความเป็นไปได ้ที่ผลของการตรวจสอบจะคลาดเคลื่อน ทางที่ดีควรตรวจเช็คให้แน่ว่ารุ่นของอุปกรณ์ตรงกับไดรเวอร์ที่ลงหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้ลงไดรเวอร ์จากแผ่นโปรแกรมที่มาพร้อมกับเครื่อง

9. คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อย ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้
- สาเหตุที่ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus เวอร์ชั่นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด

- สาเหตุที่ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐาน
วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึ่งโดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ให้เอาไปเปลี่ยน

- สาเหตุที่ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชำรุด
วิธีแก้ ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัสและสาเหตุอื่น ๆ ให้เรา Backup ข้อมูล ฟอร์แมต แล้วลงระบบปฏิบัติ การและโปรแกรมใหม่ทั้งหมด

10. เวลาบู๊ตเครื่องต้องกด F1 ทุกครั้ง
สาเหตุ พบความผิดพลาดขณะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post (Power On Self Test)
วิธีแก้ เมื่อขณะเปิดเครื่อง Bios จะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post (Power On Self Test) ถ้าพบผิดพลาดจะมีข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและหยุดรอผู้ใช้กด F1เพื่อทำงานต่อ ซึ่งข้อผิดพลาดส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เราตั้งค่าใน Bios ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่ในเครื่องซึ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อ Bios ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่ในเครื่องซึ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อ Bios ค้นหาอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วไม่พบอุปกรณ์ดังกล่าวจึงแจ้งความผิดพลาดให้เราทราบ ซึ่งเราอาจเข้าไปแก้ค่าต่าง ๆ ใน Biosให้ตรงกับความจริง ปัญหาที่ Bios ก็จะหายไปเอง หรือวงจร RTC มีปัญหาให้ส่งซ่อมที่ร้านได้ครับ

11. หลังจากที่เปิดเครื่องแล้วมีแต่เสียงปี๊บ ยาวๆ เกิดขึ้นและเครื่องก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้
วิธีแก้ ตามปกติเมื่อเปิดเครื่องแล้วคุณจะได้ยินเสียงดังปี๊บสั้นๆ หนึ่งครั้ง ซึ่งเสียงนี้สื่อให้คุณรู้ว่าระบบทุกอย่างอยู่ใน สภาพปกติ ไม่มีอะไรผิดพลาด ขึ้นกับอุปกรณ์ตัวหนึ่งตัวใดในเครื่องแล้ว ซึ่งกรณีนี้ส่วนใหญ่ มักเกิดจากการลืมติดตั้ง การ์ดแสดงผล หน่วยความจำติดตั้งไม่แน่นหรือไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เสียงที่เกิดขึ้นนี้มีหลากหลายรูปแบบคุณจะ ต้องแยกให้ออก ว่าเสียงนั้นดังอย่างไร จากตัวอย่างเช่น สั้นสลับยาวหรือดังยาวๆ เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้เมนบอร์ด ที่ใช้ไบออสต่างยี่ห้อกันเสียงที่เกิดขึ้นก็จะบ่งบอกสาเหตุของปัญหาที่แตกต่างกันไปอีกด้วย

วิธีตรวจเช็ค Power Supply เครดิตเว็บ www.comfixclub.com


เมื่อมีอาการเปิดคอมพิวเตอร์ไม่ติด Power Supply เป็นสิ่งแรกๆที่เราควรจะตรวจเช็คว่าทำงานไหม ปกติหรือไม่ Power Supply ที่อยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน อาจจะให้อุปกรณ์อื่นๆในคอมพิวเตอร์เสียหายได้ โดยเฉพาะ Harddisk ดังนั้นการหมั่นตรวจสอบสภาพของ Power Supply อยู่เสมอ ถ้าพบว่าเสียหายควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนตัวใหม่

วันนี้ผมจะสอนการตรวจเช็ค Power Supply เบื้องต้น เป็น Power Supply แบบ ATX (แบบที่ใช้ในปัจจุบัน) แค่ให้รู้ว่ามันทำงานอยู่ไหม เพราะบางทีที่คอมเปิดไม่ติดเลยอาจจะเพราะขั้วต่อเข้าเมนบอร์ดหลวมก็เป็นไปได้ วิธีการตรวจสอบง่ายๆ แบบเบื้องต้นนี้จะดูแค่ว่าไฟเข้าไหม ถ้าไฟเข้าพัดลมด้านหลังจะหมุน
ขั้นตอนการตรวจเช็ค Power Supply คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
  • ถอดปลั๊กไฟ
  • เปิดฝาเคสด้านข้างออก
วิธีตรวจเช็ค Power Supply
  • ถอดขั้วคอนเน็คเตอร์ที่ต่อเข้าเมนบอร์ด (ขั้วที่มีสายไฟเยอะๆ) ออก
วิธีตรวจเช็ค Power Supply
  • มองสายไฟสีเขียวและสีดำ
  • ใช้ลวดหรือสายไฟต่อระหว่างสายไฟสีเขียวและสีดำ
วิธีตรวจเช็ค Power Supply
  • เสียบปลั๊กไฟเข้า Power Supply
  • สังเกตดูที่พัดลมว่าหมุนไหม
  • ถ้าพัดลมหมุนแสดงว่า Power Supply อาจจะยังใช้งานได้ปกติ ให้ไปตรวจเช็คการเสียบขั้วต่อหรือเมนบอร์ด
  • แต่ ถ้าพัดลมไม่หมุน แสดงว่า Power Supply ไม่ทำงานแน่นอน ซึ่งถ้าใครเป็นช่างก็ให้เช็คที่ Fuse,Bridge,Switching หรือ IC Regulator เป็นต้น
  • ส่วนคนที่ซ่อม Power Supply ก็จัดการซื้อมาเปลี่ยนได้เลย โดยดูค่าต่างๆ เช่น กำลังไฟฟ้า, แรงดัน และกระแสไฟ เป็นต้น ค่าเหล่านี้จะอยู่ที่ฉลากข้างตัว Power Supply ทุกตัว
วิธีตรวจเช็ค Power Supply
จริงๆแล้วถ้ามีมิเตอร์วัดไฟมาวัดสายไฟแต่ละเส้นได้จะดีมากค่าเหล่านี้ของสายไฟแต่ละสีคือค่าที่ควรนจะเป็น
ดำ + ดำ = 0 V
ดำ + แดง = 5 V
ดำ + ขาว = -5 V
ดำ + น้ำเงิน = -12 V
ดำ + ส้ม = 5 V
ดำ + เหลือง = 3.3 V
ดำ + น้ำตาล = 12 V
เครดิตเว็บ www.comfixclub.com

IT น่ารู้ (เสียงคอมบอกเหตุ)


ปี๊บๆ เสียงส่ออันตราย

หลายคนคงเคยได้ยินเสียงร้องจากคอมพิวเตอร์หลังจากที่เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น แล้วจากนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อพบว่า หลังจากที่เสียงร้องดังกล่าวดังขึ้นมาทำให้คอมพิวเตอร์ใช้งานไม่ได้เลย

แหม ซึ่งสัญญาณที่ดังขึ้นมานั้นจะแตกต่างกัน เพราะบางทีก็ดังครั้งเดียว หรือ 2 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเกิดความสงสัยว่า แค่เสียงปี๊บๆๆ เท่านี้เราจะรู้อาการ และแก้ไขได้ตรงจุดได้ยังไง ซึ่งในตอนนี้จะพูดสัญญาณที่หลายๆ คน เจอกันบ่อย และสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แต่ว่า ไบออสนั่นก็มีหลายยี่ห้อ มีเสียงและความหมายที่แตกต่างกัน
สัญญาณเสียงของไบออส Award
สำหรับในครั้งนี้ผมขอเริ่มจากไบออสของ Award ก่อน ว่าแล้วมาดูกันเลยดีกว่าครับ

เสียงปี๊บยาว และตามด้วยเสียงปี๊บสั้น 2 ครั้ง
สาเหตุ : สำหรับเสียงสัญญาณที่ดัง ปี๊บ............ปี๊บ ปี๊บ แล้วหน้าจอไม่ขึ้นภาพอะไรเลย หากคุณได้ยินเสียงนี้คาดการณ์ได้เลยว่า มาจากการ์ดจอ หรือการ์ดแสดงผลนั่นเอง ซึ่งอาจเกิดจากการ์ดจอหลวม
วิธีแก้ไข : เปิดฝาเคสคอมพิวเตอร์ แล้วจากนั้นตรวจสอบดูการ์ดจอว่า เสียบแน่นหรือไม่ หากไม่ให้เรากดให้แน่นก็เรียบร้อยแล้วครับ หรือถอดการ์ดจอออกมา แล้วนำยางลบทำความสะอาดที่ลายวงจรของการ์ด แล้วเสียบกลับไปที่เดิม

เสียงปี๊บยาววววว
สาเหตุ : หากได้ยินเสียงดังยาวๆ อย่างนี้ ไม่ต้องตกใจนะครับ ไม่ใช่สัญญาณกันขโมยในคอมพิวเตอร์ดังนะครับ เพราะต้นเพลิง เอ๊ย! ต้นเหตุมากจากแรม หรือหน่วยความจำของเครื่องนั่นเอง ซึ่งสาเหตุนั้นอาจจะเกิดจากแรมสกปรก หรือแรมไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดได้ ซึ่งหากเกิดเสียงอย่างนี้รับรองเลยว่า คอมพิวเตอร์นั้นจะเปิดใช้งานไม่ได้เลย

วิธีแก้ไข : สำหรับวิธีแก้ก็ไม่ยากนะครับ ให้เราถอดแรมออกจากเมนบอร์ด แล้วนำยางลบดินสอนี่แหละมาลบตรงแถบทองแดงที่ใช้สำหรับเสียบลงในเมนบอร์ด

เสียงปิ๊บสั้นๆ 2-3 ครั้ง
สาเหตุ : หากได้ยินเสียงนี้เดาได้เลยว่า ตัวปัญหามาจากแรม หรือเมนบอร์ด อาจจะมีปัญหา POST หรือ Power-On Self Test) ไม่ผ่าน
วิธิแก้ไข : สามารถแก้ไขได้โดยถอดแรมมาทำความสะอาดด้วยยางลบ หากใส่แรมไปแล้ว เสียงยังดังก็ให้ไปตรวจสอบเมนบอร์ดว่ามีอะไรผิดปกติ หรือไม่ เช่น ชิปต่างๆ บนเมนบอร์ดมีอะไรเสียหายหรือไม่ ซึ่งหากปัญหามาจากเมนบอร์ดก็ส่งเคลมทันทีเลยครับผม หรือยกไปที่ร้านได้เลยครับ

เสียงปี๊บยาวๆ 1 ครั้ง และสั้นๆ 1 ครั้ง
สาเหตุ : เกิดจากการทำงานของเมนบอร์ดมีปัญหา
วิธีแก้ไข : ส่งเคลมประกันทันที หรือส่งร้านซ่อม


ปี๊บๆ เสียงส่ออันตราย ภาค 2

แต่ก็อย่างที่ตบท้ายในครั้งก่อนว่ายังมีไบออสอีกหลายยี่ห้อที่ผมยังไม่ได้ พูดถึง ดังนั้นในวันนี้เลยขอมาเล่าให้ฟังต่อครับ

สัญญาณเสียงของไบออส AMI
เสียงดัง 2 ครั้ง
สาเหตุ : เกิดจากหน่วยความจำส่วนแรกสุด (64 KB) มีปัญหา ทำให้ตรวจสอบพาริตี้ (Parity) ไม่ผ่าน
วิธีแก้ไข :นำแรมมาทำความสะอาดด้วยการนำยางลบดินสอมาลงที่แผ่นวงจรด้านล่างของแรม แล้วเสียบกลับลงเมนบอร์ด

เสียงดัง 8 ครั้ง
สาเหตุ : หน่วยความจำบนการ์ดจอมีปัญหา (การ์ดจอเสีย) หรือการ์ดจอเสียบไม่แน่น หน้าสัมผัสสกปรก
วิธีแก้ไข : เบื้องต้นให้ถอดการ์ดจอออกมาทำความสะอาดที่หน้าสัมผัส โดยใช้ยางลบดินสอลบตรงหน้าสัมผัสให้สะอาด แล้วเสียบเข้าเมนบอร์ดอีกครั้ง หากใช้งานไม่ได้อีกก็แปลว่าการ์ดจอเสีย

เสียงดัง 9 ครั้ง
สาเหตุ : เกิดจากไบออสมีปัญหา
วิธีแก้ไข : หากคุณมีความชำนาญในการแฟลชไบออสเองก็ให้แฟลชไบออส โดยไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตได้ทันที แต่ขอแนะนำว่า ควรนำไปที่ร้านจะดีกว่านะครับ

สัญญาณเสียงของ Phoenix
เสียงดัง 1-1-4
สาเหตุ : เกิดจากไบออสมีปัญหา
วิธีแก้ไข : แนะนำให้แฟลชไบออส แต่ถ้าทำไม่เป็นแนะนำว่า ให้ยกไปที่ร้านซ่อมจะดีกว่าครับ

เสียง 1-2-2 หรือ 1-2-3 หรือ1-3-1
สาเหตุ : เกิดจากการทำงานของเมนบอร์ดมีปัญหา หรือเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ไข : ส่งเคลมประกันจะดีกว่า

เสียง 1-3-3 หรือ 1-4-2
สาเหตุ : หน่วยความจำ หรือแรม มีปัญหา
วิธีแก้ไข : นำแรมมาทำความสะอาดหน้าสัมผัส โดยใช้ยางลบดินสอลบที่หน้าสัมผัส

เสียง 3-3-4 หรือ 3-4-0 หรือ3-4-2
สาเหตุ : การ์ดจอมีปัญหา หรือการ์ดจอเสียบไม่แน่น หรือหน้าสัมผัสสกปรก
วิธีแก้ไข : ในเบื้องต้นเปิดเคสคอมพิวเตอร์ออกมาแล้วถอดการ์ดจอออกมาทำความสะอาด แล้วเสียบกลับลงไปให้แน่น อย่าลืมไขน็อตให้แน่นด้วยนะครับ หากทำแล้วก็ยังได้ยินเสียงเดิมอยู่ก็แปลว่า การ์ดจอเสียแล้วครับผม

เสียง 4-3-4
สาเหตุ : แบตเตอรี่ไบออสบนเมนบอร์ดหมด ทำให้ไม่สามารถตั้งเวลาได้
วิธีแก้ไข : เปลี่ยนแบตเตอรี่เมนบอร์ด ซึ่งมีลักษณะเป็นถ่านแบบกระดุม โดยนำตัวอย่างไม่ซื้อได้นะครับ 

ตัวอย่างการติดตั้งไดร์เวอร์


การลง Driver ของอุปกรณ์

การติดตั้งไดรเวอร์ให้กับอุปกรณ์
การติดตั้ง Windows XP ใหม่และการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นเมนบอร์ด,การ์ด VGA,Sound,LANcard เมื่อทำการติดตั้งการ์ดลงไปแล้ว ต้องมีการติดตั้งโปรแกรมไดรเวอร์ของอุปกรณ์ตามลงไปด้วยจึงจะสามารถใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวได้
ตัวอย่างติดตั้งไดรเวอร์เมนบอร์ด
ใส่แผ่นซีดีไดรเวอร์เมนบอร์ด ที่บรรจุโปรแกรมไดรเวอร์เมนบอร์ด หรือหาได้จากในInternet ถ้าเป็นไดรเวอร์ที่ให้มาพร้อมเครื่องจะ Auto Run คลิกที่ปุ่ม INSTALL DRIVERS for winxp หรือ EXIT
เปิด Windows Explorer ขึ้นมา คลิกที่ Icon CD-ROMคลิกเปิดโฟลเดอร์ Driver เลือกโฟลเดอร์ดับเบิลคลิกที่คำสั่ง Setup
จะปรากฏหน้าจอดังรูป คลิกเลือกเมนูแรก
กดคลิก Next , ต่อไป
หลังจากนั้นเครื่องก็จะเริ่มกระบวนการติดตั้งไดรเวอร์และยูทิลิตี้ลงในเครื่องของเรา
หลังจากติดตั้งเสร็จแล้วจะปรากฏหน้าจอดังรูปให้คลิก FINISH เพื่อรีสตาร์ท
เครื่องใหม่

ตัวอย่างติดตั้งไดรเวอร์การ์ดVGA(จอภาพ)
การติดตั้งการ์ดจอภาพ ทั้งนี้ก็เพื่อเราจะได้ปรับสีและความละเอียดให้มีขนาดที่เหมาะสมได้ เพราะโดยปกติแล้วการ์ดจอรุ่นใหม่ๆนั้นวินโดวส์มักจะไม่รู้จัก จึงสามารถแสดงผลได้แค่ระดับต่ำสุดเท่านั้นคือ จำนวนสี 16 บิต ที่ความละเอียด 800 x 600 (หลังติดตั้งเสร็จสามารถปรับความละเอียดได้ที่ 1024x768 (32bit)หรือมากกว่านั้น)
ใส่แผ่นซีดีไดรเวอร์เมนบอร์ด ที่บรรจุโปรแกรมไดรเวอร์การ์ดVGA หรือหาได้จากในInternet ถ้าเป็นไดรเวอร์ที่ให้มาพร้อมเครื่องจะ Auto Run คลิกที่ปุ่ม INSTALL DRIVERS for winxp จะปรากฏหน้าจอดังรูป คลิกเลือกเมนูแรก
กดคลิก ถัดไป
หลังจากติดตั้งเสร็จแล้วจะปรากฏหน้าจอดังรูปให้คลิก FINISH เพื่อรีสตาร์ท
เครื่องใหม่ ระบบ ทำการตรวจสอบฮาร์ดแวร์ว่าเข้ากันกับโปรแกรมหรือไม่ ถ้าการติดตั้งได้เรียบร้อย ดูที่ Task Bar

ตัวอย่างติดตั้งไดรเวอร์การ์ด
การติดตั้งการ์ดSoundเพือให้เสียงในเครื่องเราใช้งานได้และสามารถปรับแต่งเสียงตามต้องการ
ใส่แผ่นซีดีไดรเวอร์ การ์ดSound ที่บรรจุโปรแกรมไดรเวอร์การ์ดSound หรือหาได้จากในInternet ถ้าเป็นไดรเวอร์ที่ให้มาพร้อมเครื่องจะ Auto Run คลิกที่ปุ่ม exit ไปที่ My Computer กดคลิกขวาตรงที่ว่างและ กด Properties

กดคลิก Handware และ กดคลิก Device Manager

กดคลิกOther devices,กดคลิกขวาMutimeda Audo Contrller,กด Properties และ กด Next

ระบบทำการตรวจสอบฮาร์ดแวร์ปรากฏหน้าจอดังรูป

กด FINISH

การติดตั้ง เสร็จได้เรียบร้อย ที่ Task Barจะแสดงรูปลำโพงขึ้นมา
เครดิตเว็บ www.repaircom.orgfree.com